ความเป็นมา




หลังจากที่ผมได้มีโอกาสวาดภพสีน้ำ เพื่อส่งภาพเข้าในโครงการดาวน์โหลดภาพวาดบนมือถือ ของบริษัทฮัทช์ เนื่องจากภาพวาดฝีมือคนพิการไม่สามารถที่ส่งมอบมาถึงผมได้ทัน เมื่อได้วาดภาพแล้ว ผมถึงจำความรู้สึกในวัยเด็กได้ว่า ผมชอบวาดภาพ เพียงแต่ผมจำไม่ได้แล้ว เพราะว่าต้องทำงานในสาขาวิชาที่จบมาตลอด ก่อนหน้านี้ไม่นาน ยังดูศิลปินในทีวี และชื่นชมที่มีความสามารถในการวาดภาพ

ต่อมาผมก็พบว่าการวาดภาพด้วยสีน้ำนั้น สร้างปัญหาในการบริหารเวลา และความสูญเสียกับผมมาก ทั้งสีเหลือ สีแห้ง สีเยอะมาก จนผมทำงานไม่สะดวก กินพื้นที่บนเตียงทำงานของผม จึงต้องเริ่มคิดใหม่ ว่าผมจะจัดการเรื่องนี้อย่างไร จนในที่สุด จึงคิดได้ว่าต้องเปลี่ยนวัสดุในการวาด และกาแฟ ก็ตอบโจทย์ของผม ทำให้ทุกวันนี้ชีวิตผมลงตัวมากๆ เมื่อต้องวาดในช่วงเวลาพักผ่อน และปรับเปลี่ยน หรือพักการวาดภาพ ได้อย่างลงตัวเมื่อต้องทำงานร่วมไปด้วย

แรงบันดาลใจลึกๆ อีกเรื่องที่ผมมาเลือกวัสดุจากกาแฟ เพราะผู้หญิงที่ผมรัก เธออยากมีร้านกาแฟ ความตั้งใจนั้นตอนนี้กลายมาเป็นความตั้งใจของผมด้วย ผมอยากมีร้านกาแฟ ผมอยากนำภาพวาดกาแฟของผม มาจัดเป็น Gallery แสดงภาพวาดกาแฟไปด้วย ผมทานกาแฟได้ แต่ไม่ถึงกับรักที่จะทานกาแฟ แต่การมีร้านกาแฟเป็นความใฝ่ฝันของผมครับ

ส่วนตัวยอมรับว่า ณ วันนี้ผมยังไม่มีความคิดใดๆ ที่จะวาดภาพ หรือฝึกฝน จนเป็นจิตกร หรือศิลปิน ที่จะเอาดีทางการวาดภาพจนเป็นอาชีพ และสร้างรายได้เพื่อเลี้ยงชีพ เพราะว่าผมยังมีความใฝ่ฝันอีกหลายเรื่องด้านการทำงานด้านไอที มาประยุกต์ใช้กับงานด้านบริการ ที่ในประเทศไทย อาจจะยังไม่มีใครเคยทำมาก่อน รวมทั้งงานด้านการเป็นตัวแทนประกันชีวิต ที่จะสามารถมาพัฒนาประเทศชาติได้

แต่ผมจะยังคงความรู้สึกของกาวาดภาพให้เป็นงานอดิเรกอยู่ ให้เป็นการผ่อนคลาย ใหเตัวเองมีความสุข ในอดีตผมจะใช้เวลาผ่อนคลาย หรือคลายเครียด ด้วยการอ่านกา์ตูน ซึ่งอาจจะไม่ได้ทำประโยชน์ให้กับสังคมไทย วันนี้ผมจะใช้เวลาส่วนตัว มาวาดภาพด้วยกาแฟ และใช้ภาพวาดกาแฟนี้ทำประโยชน์เพื่อสังคม

ผมเริ่มวาดภาพด้วยกาแฟเมื่อต้นเดือนธันวาคม พ.ศ.2553 และริเริ่มโครงการ "ร้อยภาพ ร้อยใจ ช่วยมูลนิธิไทย" เมื่อต้นเดือนมกราคม พ.ศ.2554 โดยจัดทำเว็บบล็อก Preedano.blogspot.com ในการประชาสัมพันธ์โครงการ จนได้รับความสนใจจากสื่อมวลชน และผมได้รับการติดต่อจากตลาดบองมาเช่ Bon Marche' Market นับเป็นการจัดแสดงภาพวาดด้วยกาแฟของผมเป็นครั้งแรกในชีวิตในระหว่างวันที่ 11-13 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2554 และสามารถจำหน่ายภาพเพื่อบริจาคให้มูลนิธิต่างๆ ได้ถึง 28,000 บาทโดยประมาณ

ผมมีความสุขมาก และตั้งใจว่าจะทำอย่างนี้ทุกปี แต่ก็ยอมรับว่ามีต้นทุนในการวาดภาพ ทั้งกาแฟ พู่กัน กระดาษที่ใช้วาด กรอบภาพต่างๆ ซึ่งก็ได้รับการสนับสนุนจากหลายท่าน และมูลนิธิที่ได้รับเงินไป จนกระทั่ง ผมได้รับคำแนะนำจากผู้ร่วมบริจาคซื้อท่านหนึ่ง คือ คุณศรา ที่ได้ซื้อภาพวาด "รักลูกนะจ๊ะ" ให้กับภรรยาและลูกสาว ในวันวาเลนไทน์ ให้ลองส่งเรื่องผ่านน้องสาวที่ทำงานที่ ปตท. ว่าให้ทาง กาแฟ Amazon เข้ามาสนับสนุนโครงการ

หลังจากที่ผมได้วาดภาพจำหน่าย และบริจาคไปแล้ว 2 แสนกว่าบาท จากภาพ 35 ภาพ จึงทำให้ลองยื่นเรื่องเสนอทาง Amazon .ให้พิจารณา ปรากฏว่าได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี และในปัจจุบัน ทางกาแฟ Amazon ก็ได้เข้ามาสนับสนุนโครงการเรียบร้อยแล้วในเดือนมิถุนายน พ.ศ.2554 ซึ่งผมก็มีหน้าที่วาดภาพอีก 65 ภาพที่เหลือ

จากนี้ต่อไปผมอาจจะมีภาพประชาสัมพันธ์ที่ได้ใส่เสื้อมีสัญลักษณ์โลโก้ของกาแฟ Amazon มาให้เพื่อนๆ ได้เห็นกันบ้างนะครับ และท่านใดสนใจช่วยเหลือมูลนิธิต่างๆ ร่วมกันก็สามารถติดต่อสั่งซื้อภาพ ได้ครับ



Visit me on Facebook

บทความที่ได้รับความนิยม 10 อันดับแรก